Sakkara
turned_in เรื่อง คำศัพท์ และการอ่านพิสูจน์บทอักษร อักขระบทธรรม
คำศัพท์ 12/4/7 ชื่อเล่ม หน้า บรรทัด
“บทคำศัพท์ พยัญชนะ สระ อันเป็นใจความ ‘เพื่อความบริสุทธิ์ บริบูรณ์ สมบูรณ์ สิ้นเชิง’ ตามนัยซึ่งความหมาย อันที่มีปรากฏมาดีแล้ว
ในบทคำศัพท์ ของพระเถระธรรม บทพระนามกรแห่ง ‘พระวรคติธรรม’ ของคำศัพท์ภาคภาษาไทย ซึ่งไปโดยใน ไปด้วยบทของพระไตรปิฎก หนังสือพระไตรปิฎก บทพระอักษรสยาม”
อรรถประโยชน์ ที่พิมพ์ดูที่อ้าง การเทียบเคียง
หาโทษมิได้ ให้ผู้ฟังเข้าใจเนื้อความได้ชัด อนึ่ง ท่านเป็นอาจารย์และ
ปาจารย์ของชนหมู่มาก สอนมนต์แก่มาณพถึง ๓๐๐ คน มาณพเป็นอันมาก
ต่างทิศต่างชนบทผู้ต้องการมนต์ ใคร่จะเรียนมนต์ในสำนักของท่านพากัน
มา อนึ่ง ท่านเป็นคนแก่เฒ่า เป็นผู้ใหญ่ล่วงกาลผ่านวัยมาโดยลำดับ ส่วน
พระสมณโคดมเป็นคนหนุ่ม และบวชแต่ยังหนุ่ม อนึ่ง ท่านเป็นผู้อันพระ
เจ้าแผ่นดินมคธ จอมเสนา พระนามว่า พิมพิสาร ทรงสักการะเคารพ
นับถือ บูชา นอบน้อม อนึ่ง ท่านเป็นผู้อันพราหมณ์โปกขรสาติสักการะอาทิผิด สระ
เคารพ นับถือ บูชา นอบน้อม อนึ่ง ท่านครองนครจัมปาซึ่งคับคั่งด้วย
ประชาชนและหมู่สัตว์ อุดมด้วยหญ้า ด้วยไม้ ด้วยน้ำ สมบูรณ์ด้วย
ธัญญาหาร ซึ่งเป็นราชสมบัติอันพระเจ้าแผ่นดินมคธ จอมเสนา พระนามว่า
พิมพิสาร พระราชทานปูนบำเหน็จให้เป็นส่วนพรหมไทย เพราะเหตุนี้
แหละท่านจึงไม่ควรไปเฝ้าพระสมณโคดม พระสมณโคดมต่างหาก ควรจะ
เสด็จมาหาท่าน ดังนี้.
พระพุทธคุณ
[๑๘๒] เมื่อพวกพราหมณ์กล่าวอย่างนี้แล้ว พราหมณ์โสณทัณฑะ
ได้กล่าวว่า ท่านทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้น ขอพวกท่านจงฟังข้าพเจ้าบ้าง เรา
นี้แหละควรไปเฝ้าพระโคดมพระองค์นั้น พระโคดมไม่ควรเสด็จมาหาเรา
ได้ทราบว่า พระสมณโคดม เป็นอุภโตสุชาต ทั้งฝ่ายพระมารดาและ
พระบิดา มีพระครรภ์ที่ทรงถือปฏิสนธิหมดจดดีตลอด ๗ ชั่วคน ไม่มีใคร
จะคัดค้านติเตียนได้ด้วยการกล่าวอ้างถึงพระชาติ เพราะเหตุนี้แหละ พระ
โคดมจึงไม่ควรเสด็จมาหาเรา ที่ถูกเรานี้แหละควรจะไปเฝ้าพระองค์ ได้
ทราบว่า พระสมณโคดม ทรงสละพระญาติหมู่ใหญ่ออกทรงผนวช ทรง
พระปิฎกธรรม
3 条评论:
Website?
…นักศึกษาบาลี บาเรียนธรรม! ท่านจะพึงเสนอ หรือสนองความท่าน ด้วยการที่จะแตกประโยค อย่าง? เช่นว่า ‘คารวสถาน’ เช่นท่านกล่าวนี้ แล้ว ควรที่สุด มีที่นักศึกษาทุกท่านจะได้ แปรค่า แปลงประโยค มาแต่ตัวบาลีกล่าวชม โน้นเลย
เพราะเห็นแล้วว่า พวกเราทุกคน ทุกท่าน ต้องหมั่นสานต่อ มุ่งความดี ที่เป็นของเรา ของทุกคนทุกท่าน ณ ที่อันน้อมจิตทำใจ จะไม่โยกโย้ จะไม่แย้ง ต่อธรรมสถาน เมื่อว่า คารวสถาน นั้น ๆ ควรคงไว้ ด้วยเหตุอะไร หรือเพราะอะไร?
ซึ่งคำตอบที่คนไทยเราอยากได้ หรือต้นแบบตัวธรรมที่ควรอยากได้ ก็ควรที่จะคงความหมายไปเช่นอย่างนี้ เช่น ‘ที่ ๆ ไม่เป็นด้วยเหตุ อันคับขัน! , หรือที่ว่า มิพึงปรากฏสิ่งไร ที่แถลงการคับขัน! , หรือว่า อันความคับขัน! นั่นแล้ว จะมิพึงให้มาปรากฏ หรือปรากฏได้’
เป็น เพราะโดยธรรมดา แก่ความที่ เป็นสถานที่ อื่น ๆ มิใช่! เป็นแต่ใช่ที่ ควรคารวะ เป็นสถาน เพราะว่าด้วยธรรมสถาน ประการอันสูง! ซึ่งข้องแวะความจะต้องมีค่าสูงในหนทางแห่งสันติธรรม ให้พ้นไปจากบาปชั่ว หรือความคับขัน! เช่นไร แบบนั้น ตามอาณัติ! ‘หรือความคับขันเช่นใดกันแน่?’ อย่างนั้น ก็ทำสัญญาณ แล้ว , เรื่อง (อาการ ) ที่คนจะให้มาเกี่ยว กันกับ ที่แห่งคารวสถาน ท่านก็ย่อมมิพึงนำพามาด้วย จรดชั่ว ความเป็นพานภาระ หรือธุระ
กับไปที่นี้ จะต้องราบคาบ และบริบูรณ์แก่ความใช่ที่ ซึ่งใครจะต้องมาสุ่มเสี่ยง ทับทุจริตกรรม! สื่อแสดง จะต้องมาอาการบาป! หรือชั่ว ในสิ่งใด ๆ กระทำกรรมกดดันเช่นนั้น ซึ่งคับขัน…
...siamindra...
เมื่อปรารกฏ สาราณียธรรม ตามความ Entries ที่ 10 แล้ว จงให้ หมั่นดูงานกลุ่ม ตามโพสต์ล่าสุด
...phra ariya thamma...
Website?
…ไม่มีปัญญา คือไม่มีใคร คือถามว่า?ใครเล่า จะได้ประเด็นตามปัญญา เพราะเรื่องแต่ละเรื่อง ก็คือไล่กันไปตายทั้งนั้น (พิสูจน์) แล้วทีนี้ หลัก! หรือแนวคิดมันก็มีด้วยประการต่าง ๆ (จะตาย) คือเฉพาะส่วนที่จะอ้างวิเศษ ตราบเป็นนิรันดร์ , อย่าง!การอยู่ในอินเทอร์เน็ตนี้ จนคน ก็ได้ปฏิญาณตนไปทุกที่ ว่า ‘จะทำชื่อให้เป็นจริง ว่าจะทำปฏิญาณให้เป็นจริง’ คือแม้นด้วยชีวิต ดั่งนี้ นั่นเอง , แต่ว่า อย่างนี้ไปทั้งหมดไม่ได้ เพราะบางที่เราไปพูดอย่างนี้ ก็ย่อมเท่ากับวง (วงสนทนา) วน งานนั้น เขาจะวงแตก! หรือไม่เขาก็ต้องกล่าวถึงที่สุด แสดงว่า ‘จงไปตายซะ!’ เพราะเมื่อหาจะทำที่สุดแห่งความเพียร ที่คือการพิสูจน์!?
ก็หมดเรื่องแล้วทีนี้ แบบนี้ ที่ใดนี้ก็พึงคุยกับนักศาสนาหรือนักอะไร? (วัตถุ, หรือ?หทัยวัตถุ) บ้าง ที่ท่านพึงจะเพ่งข้อมูลอย่างนี้ คือไม่ใช่จัดประเด็นแลกตาย อย่างครูบาสมชัย (ลาสิกขา แล้วเข้าฌาณสุดขีด นอนขวางทางขบวนรถไฟ สถานีวังกรด เพื่อกระทำที่สุดแห่งทุกข์) ท่านทำ คือมุ่งเอาความตายเข้าแลก โดยทั้งหมดแทบตลอดเวลา เพราะหาอันจะพ้นรำคาญ ให้จงได้ ซึ่งก็ถูก ณที่ตรงความเพียร อธิจิต อธิธรรมพละกำลัง และความกล้าหาญ ฉะนั้นถูก! แต่ก็ย่อมไม่ตรง ความวัฒนาได้ทั้งหมด แด่ปวง ผู้เป็นบัณฑิต หรือผู้เพียรเพ่งสามารถแต่นิรุตติธรรม เท่านั้น หรือเพราะคดี หรือคติธรรม เฉพาะอย่างปราชญ์ ซึ่งปลงความเอง ประหารไปเองฉะนั้น มิได้! (อุปมาว่าตนรักษาพระศาสนสาส์น หรืออาทิว่าพระราชสาส์น จะไม่อาจเป็นผู้ฉีกหรือทำประหัตกำจัดลง ปลดปลงล้างสิ้น ซึ่งแต่การทำลายสาส์นนั้น ได้) แต่ท่านย่อมมีแนวนึกคิดอยู่ว่า ตนจะคงอยู่ จะทำปฏิกรรมทุกอย่าง จะทำปฏิงานสงเคราะห์ อยู่ ต่อแต่เพียงว่าร่างกายนี้ เป็นร่างกายสุดท้าย (อนฺติมสารีโร มหาปญฺโญ มหาปุริโส) คือ ใคร่ธรรมกระทำปฏิญาณ และการทำชื่อ ลงแด่จิต ด้วยอาณัติ ด้วยสัญญาตามปฏิญาณ ตามธรรม
แล้วเมื่อ จะคุย ถึงชื่อ พูดถึงบัญญัติ ก็อาจที่จะพอคุยได้ หรือแสดงบทนั้น ๆ ได้ หากเพราะต่างก็รู้ว่า ท่านปฏิญญาสาบานอะไร? หรือท่านชื่อด้วยสุจริต สัตย์อะไร? แท้จริง อย่างท่านชื่อว่า ‘สุพจน์!’ นี้ความแท้ของชื่อ อรรถะพยัญชนะสู่ที่หมดจด บริบูรณ์สิ้นเชิง ก็คือ ลงสู้ด้วย ที่สุดความ ต้องเพราะ พ อักษร มิใช่ ส อักษร ซึ่ง ส อักษร มีชื่อเป็นศัพท์ปัจจัยหน้าความ เท่านั้น เฉลิมแต่พอสะดวกแก่ธรรมปฏิโลมแก่คนไปเท่านั้น หากจะวางลงอย่างลิขิตเป็นร่างกายสุดท้ายอะไร? ท่านก็พึง มิลองแสดงอภิธรรมด้วยเล่า! ว่าวิราคะเป็นวิราคะแห่งอดีต เป็นวิราคะแห่งปัจจุบัน หรือ เป็นว่าเป็นวิราคะของอนาคต โดยทั้งหมด หรือว่าวิราคะเช่นไรนี้ พึงต้องเป็นราคาของธรรมซึ่งมีวิราคะ เป็นต้น อันย่อมโยกโย้ รณรงค์เป็นโวหาร
เพียงเพราะปัจจุบัน เรามีพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่าพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ อันนั้นเอง เรียกว่าแปรกรรม และเมื่อ มีหลายพระองค์ ก็ย่อมแปลว่า เราไม่มีพระพุทธเจ้านั่นเอง ซึ่งปวงธรรม จะมีวินัยหา อะไร?อีกเล่า เรื่องวิกลที่ย่อมเป็นแต่ปฏิกรรม และโลกนกรรมสงเคราะห์ เพราะโลกนี้เป็นของพระพุทธสาวก อันซึ่งมิใช่โลกของพุทธเจ้า โลกที่ซึ่งพระองค์ต้องไล่ให้ไปทำ หรือไม่ก็ต้องไล่ให้ไปตาย มันจึงจะเป็น คือว่ามันได้เป็นพระ หรือว่าจะได้เป็นคนธรรมดา ก็อันควรแล้วแต่ อย่างไรอย่างหนึ่ง ที่จิตนั้นจะมั่นลง คงธรรมจรดดีสมบูรณ์แล้ว ก็จึงจะดี
และในเรื่องจะดี เราท่านก็เลี่ยง การกระทำวินาศสันตะโร โดยทั้งหมดซะ อย่างการฆ่าตัวตาย หรือพินาศตาย ไปโดยอุปฆาตแด่ชีวิต ก็จงยกเลิกเสียทั้งหมด เสียที ว่าแต่เป็นไรไปโดยราชภัย ด้วยอุตุฯ หรือเป็นอุปัทวเหตุอันตรายใหญ่หลวง เข้ามาทำเท่านั้น มาเป็นการณ์วินาศแก่ตน ถ้าหาไม่มี ก็มิพึงต้องคุยอะไร แต่พึงเลี่ยง ที่จะพูด ไปกับผู้ที่มีบารมี ที่เป็นที่พึ่ง ทั้งปวงนั้น เราไม่ควรคุยด้วย เพราะถ้าคุยด้วย ท่านก็ย่อมต้องเพ่งแต่ไล่เลียงว่า หารู้ดีแล้วหรือ? เมื่อรู้แล้ว ๆ ก็จงไปมุ่งปฏิบัติ , ฉะนั้น เมื่อถามว่าปฏิบัติ? ปฏิบัติแล้ว ก็คือ เรื่องทำชื่อให้เป็นจริง เป็นเรื่องทำปฏิญาณให้เป็นจริง หรือมิใช่! แต่!ทำไปนั่น ที่ซึ่งมุ่งนับโดยนัย คำนวณโดยความเป็นเวลาปัจจุบัน โดยอนันตกาล ณกรณีย์การย์ ซึ่งพระธรรมจักรอันบวร กำหนดให้เป็นไปแล้ว ซึ่งเป็นไปโดยพระพลกำลังของพระทศพล ที่เป็นพระพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียว…
...phra ariya thamma...
发表评论